เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ส่งเสริมให้ทุกคนในครอบครัวมีเวลาคุณภาพร่วมกัน เช่น อ่านนิทานให้ลูกฟัง สอนลูกทำงานบ้าน ชวนลูกเล่นตามธรรมชาติ เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้นอกจากจะเพิ่มช่วงเวลาความรัก ความผูกพัน และความเข้าใจให้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นโอกาสทองที่จะช่วยพัฒนาทักษะด้านร่างกายและจิตใจได้อีกด้วย
อ่อนไหวง่ายขึ้น ในตอนที่ยังเป็นลูกคนเดียวอยู่นั่นเมื่อคุณพ่อคุณแม่ตักเตือนสั่งสอนอะไรก็ดูจะว่านอนสอนง่ายไม่มีปัญหาอะไรแต่เมื่อมีน้องสิ่งเดิมที่คุณพ่อคุณแม่เคยตักเตือนสั่งสอนกลับทำให้เขางอแง ร้องไห้อย่างหนัก ปลอบเท่าไรก็ดูยากที่จะหาย นี่คือความกลัวของเขา กลัวว่าการดุในครั้งนี้จะเป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่รักเขาน้อยหลงหรือไม่ ดังนั้นเช่นเคยคุณพ่อคุณแม่ต้องเอาใจใส่เขาทำให้เขามั่นใจและมีความอุ่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรคุณก็ยังจะรักเขาเหมือนเดิม 4. ซึมๆ ดูเหงาและไม่ค่อยพูดคุย ถ้าคุณกำลังมีน้องใหม่เข้ามาแล้วลูกคนโตของคุณดูเหงาหงอยผิดปกติจากที่เคยเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใสนั้นคุณก็ควรใส่ใจและคอยพาเขาเข้ามาในวงของการเลี้ยงดูน้องเสมอ เพราะแน่นอนว่าในช่วงแรกของเด็กแรกเกิดก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษทั้งเรื่องอาหารการกิน ความสะอาด การนอนหลับ และเรื่องอื่นๆ จนทำให้ดูเหมือนว่าคุณพ่อคุณแม่โฟกัสอยู่กับแค่น้องและลูกคนโตก็อาจจะไม่เข้าใจจนทำให้เก็บไปน้อยใจ เกิดอาการปลีกตัวและเหงาหงอย ซึมเศร้าก็เป็นได้ 5.
การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ มีหลายๆ ครอบครัวที่วางแผนในการมีลูกไว้หลายคนแต่ก่อนอื่นก็ต้องเริ่มมีลูกคนแรกกันก่อนระยะเวลาในการมีลูกคนต่อไปของแต่ละครอบครัวอาจจะแตกต่างกันไปตามความพร้อมแต่แน่นอนว่าหลายๆ ครอบครัวก็มักจะต้องเผชิญกับปัญหาพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกคนโตเมื่อเริ่มรู้ว่ากำลังจะมีน้อง ซึ่งวันนี้เราจะนำพฤติกรรมที่มักจะเกิดขึ้นกับเขาเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะมีน้องมาฝากกันเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมรับมือและคอยหมั่นดูแลใส่ใจลูกคนโตเหมือนเดิมให้เขาไม่รู้สึกขาดอะไรไปนั่นเอง พฤติกรรมที่มักจะเกิดเมื่อลูกกำลังจะหลายเป็นพี่คนโต 1. ออดอ้อนเก่งขึ้น เด็กบางคนอาจจะออดอ้อนจนลามไปถึงขั้นที่เรียกว่างอแงกันเลยก็เป็นได้มีหลายๆ อย่างที่เขาอาจจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจนทำให้คุณพ่อคุณแม่ถึงกับงงกันได้เลยทีเดียว อย่างในบางเคสเด็กๆ อาจจะผ่านการถูกสอนให้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเองแล้วไม่ว่าจะเป็น ทานข้าวเอง ดื่มนมเอง เข้าห้องน้ำเอง แต่งตัวเอง แต่เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะมีน้องนั้นสิ่งที่เคยทำได้กลับเปลี่ยนไปหันกลับมาให้คุณพ่อคุณแม่คอยดูแลเหมือนตอนเล็กๆ ที่ยังทำอะไรไม่เป็นเลย 2. กลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจมากขึ้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่กำลังดูแลน้องใหม่อยู่ไม่ว่าจะเป็นการให้นม เปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนข้าว หรืออะไรก็ตาม ลูกคนโตอาจจะรีบเรียกร้องให้คุณสนใจในสิ่งที่เขาต้องการทันทีไม่ฟังคำอธิบายใดๆ จากคุณทั้งนั้น ในข้อนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลมากจนเกินไปพฤติกรรมนี้จะค่อยๆ หายไปในช่วงประมาณ 2-3 เดือนต่อจากนี้ เพราะเขากำลังเริ่มปรับตัวให้เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ที่สำคัญที่สุดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้าขาดความรักความใส่ใจและความเข้าใจจากคุณพ่อคุณแม่ 3.
Money Book - แอพบันทึกรายรับรายจ่ายสุดฮิต ใช้ง่าย น่ารักมุ้งมิ้ง!! /APPDAYS (รีวิวแอพ) - YouTube
8 กุมภาพันธ์ 2564 3, 261 AGE ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ธุรกิจโลจีสติกส์ ปี 64 แตะ 600- 700 ล้านบาท พร้อมขยายทีมงาน รุกต่างประเทศเพิ่ม เล็งเจาะตลาดใหม่ฟิลิปปินส์ และอินเดีย ปั๊มปริมาณขายถ่านหินเข้าเป้า 5.
ทำให้เด็กรู้ว่าตัวเองมีความรับผิดชอบมากพอ บางครั้งการที่ลูกเรียกร้องความสนใจมากเป็นพิเศษนั้น อาจจะเกิดจากการที่ผู้ปกครองตามใจด้วยส่วนหนึ่ง ผู้ปกครองอาจจะหากิจกรรมหรืองานบ้านเล็กๆน้อยๆให้เขารับผิดชอบ เด็กจะรู้สึกว่าตนเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความรับผิดชอบ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นผลดีในอนาคตทำให้เด็กมีภาวะเป็นผู้นำ และดูแลตัวเองได้มากขึ้นอีกด้วย 7.
อย่าลืมชื่นชมหรือให้กำลังใจลูกบ้าง แม้สุภาษิตโบราณของไทยกล่าวเอาไว้ว่า "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" แต่คำสอนในอดีตนั้นอาจใช้ไม่ได้กับยุคปัจจุบัน แม้ตัวผู้ปกครองเองอาจจะไม่รู้ตัว แต่การที่เราไม่ให้กำลังใจลูกหรือชื่นชมลูกของเราเลยนั้น อาจเป็นปัญหาใหญ่มากกว่าที่คิด ลูกอาจรู้สึกไม่สนิทสนมกับ ผู้ปกครอง ไม่กล้าปรึกษา เปิดใจ ไม่กล้าพูดคุย หรือเขาอาจจะกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจไปเลยก็ได้ในอนาคต สำหรับเด็กบางคนอาจจะทำให้เขาตัดสินใจเรียกร้องความสนใจในทางที่ผิด จนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตของตัวเองและคนรอบข้าง เพราะฉะนั้นอย่างลืมว่าลูกของเราจดจำคำพูดและการกระทำที่เราปฏิบัติต่อเขาได้เสมอ 4. ลงโทษด้วยวิธีอื่นนอกจากการต่อว่า การว่ากล่าวตักเตือน ด้วยถ้อยคำตัดพ้อ หรือรุนแรงอาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเสมอไป และมันอาจจะนำปัญหาด้านอื่นมาให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ผู้ปกครองอาจจะเปลี่ยนจากการต่อว่ามาเป็นการทำโทษแบบอื่น เช่นการทำ Time Out ให้ลูกได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองทบทวนสิ่งที่เขาทำ เมื่อหมดเวลาแล้วค่อยทำความเข้าใจกับลูก พูดคุยถึงปัญหาอย่างมีเหตุผล จะเป็นทางออกที่ดีกว่าการตำหนิ 5. ตั้งกฏให้กับลูกที่เรียกร้องความสนใจมากจนเกินพอดี เด็กบางคนอาจจะเคยชินกับการตามใจจนเคยตัว เมื่อตนไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ เด็กอาจจะทำพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก ทั้งในบ้านหรือตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ทำให้ผู้ปกครองตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนรอบตัว สิ่งที่ผู้ปกครองจะทำได้ก็คือสร้างกฏกับลูกน้อย เช่น เมื่อเขาปฏิบัติตัวดีเขาจะได้รับคำชม ถ้าเขาปฏบัติตัวแย่ก็จะมีบทลงโทษตามมา อีกอย่างที่สำคัญก็คือ ผู้ปกครองควรที่จะมีความคงเส้นคงวา ลูกจะได้เข้าใจและคิดว่าผู้ปกครองเอาจริงเอาจังกับข้อตกลงที่ตั้งไว้ 6.
2504) สัญชาติไทย และพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถเดินทางมายังสถานที่ฉีดวัคซีนได้ ลงทะเบียนเพื่อนัดหมายฉีดวัคซีนได้ที่เว็บไซต์ ไทยร่วมใจ, แอปฯเป๋าตัง หรือร้านสะดวกซื้อที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ 7- eleven, Tops daily, FamilyMart และ mini BigC (ต้องนำบัตรประชาชน และโทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อได้ ไปลงทะเบียน) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามการลงทะเบียน โทร. สายด่วนวัคซีน 1516 (เวลา 08. 00 – 18. 00 น. )
หน้าหลัก / ข่าว / ข่าวเด่น ข่าวบันเทิง / พี่น้องห่วงใย!
เราจะรับมืออย่างไร... เมื่อลูกเรียกร้องความสนใจตลอดเวลา เคยเป็นกันหรือไม่เมื่อ ลูกเรียกร้องความสนใจ ตลอดเวลา เป็นธรรมดาของเด็กเล็กที่มักจะยังไม่มีอารมณ์ความรับผิดชอบ บางครั้ง อยากได้อะไร อยากทำอะไรก็อยากให้ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจตัวเองเสมอ แต่จะทำอย่างไรเมื่อลูกของเราเรียกร้องความสนใจมากเกินจนเราปวดหัว มีวิธีการอะไรบ้างที่เราจะสามารถรับมือกับลูกของเราในเวอร์ชั่นที่ไม่น่ารักแบบนี้ได้บ้าง หรือว่าลูกของเราควรได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ วันนี้เรามีคำแนะนำสำหรับเรื่องนี้มาให้คุณ 1. หาที่มาที่ไปของปัญหา ทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป ถ้าผู้ปกครองสามารถหาต้นตอของปัญหาได้ เราก็จะสามารถวางแผนพูดคุยหรือแก้ปัญหาไปพร้อมกันกับลูก ปัญหาของเด็กบางคนอาจเกิดจากเรื่องราวภายในครอบครัว หรือ สำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนก็เป็นได้เช่นกัน ผู้ปกครองอาจจะต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของลูก หรือ เปิดใจคุยกับลูกตรงๆ การได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลอาจจะทำให้ปัญหานี้คลี่คลายได้ไม่ยาก 2.