สำนักพิมพ์ สำหรับคนที่อยากส่งนิยายไปที่สำนักพิมพ์โดยตรง ปัจจุบันสามารถส่งต้นฉบับไปให้พิจารณาได้ผ่านอีเมล แต่บางสำนักพิมพ์อาจยังรับต้นฉบับทางไปรษณีย์อยู่ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนส่ง ผลการพิจารณาอาจช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับสำนักพิมพ์ ส่วนเงินตอบแทนมักได้เป็นเงินค่าต้นฉบับ และเปอร์เซ็นต์จากจำนวนเล่มที่ขายได้ อาจแตกต่างกันไปตามสำนักพิมพ์แต่ละแห่ง 4. บล็อกส่วนตัว บล็อกส่วนตัวเป็นอีกแพลตฟอร์มที่สามารถลงนิยายได้ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมนักเพราะเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้น้อยกว่าแบบอื่นๆ ยกเว้นเป็นผู้ที่มีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว หรือถ้ามีผู้ติดตามจำนวนมากบนโลกออนไลน์ก็อาจลงนิยายในบล็อกส่วนตัวและแชร์ในแอคเคาท์โซเชียลมีเดียของตนเองก็ได้ ข้อควรรู้สำหรับคนที่อยากเป็นนักเขียนนิยาย 1. ใส่ใจพล็อตให้มาก สิ่งนี้ถือเป็นหัวใจของการเขียนนิยาย เพราะพล็อตหรือการวางแผนเนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นตัวกำหนดว่านิยายเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไร ปมขัดแย้งคืออะไร เนื้อเรื่องจะดำเนินอย่างไร และจบแบบไหน ไม่อย่างนั้นนิยายที่เขียนก็จะมีเนื้อหาที่ออกนอกเรื่อง หรือที่เรียกว่าออกทะเล ทำให้ความน่าสนใจของนิยายน้อยลง และจะยิ่งทำให้เขียนจบได้ยากขึ้นด้วย 2.
พัฒนาฝีมือตัวเองอยู่เสมอ เคยได้ยินคำว่า "การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด" ไหมคะ? ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร เป็นนักเรียน นักศึกษา ครู หมอ หรืออาชีพอะไรก็ตาม เราทุกคนก็ต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาค่ะ และห้ามคิดว่าเราเก่งแล้ว หรือเก่งที่สุดเด็ดขาด เพราะการบอกว่าเราเก่งนั้นจะเป็นการสะกัดกั้นการเรียนรู้ของเราทันที แบบที่เราไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ ดังนั้นหากเราคิดว่าเราเก่งขึ้นจากเมื่อก่อนเยอะมากแล้ว ให้มองว่าเรายังสามารถพัฒนาและเก่งขึ้นได้อีกค่ะ เรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาตัวเองต่อไปนะคะ (เรากำลังบอกตัวเองด้วย สู้ๆนะคะ เรียนรู้ไปด้วยกันค่ะ ^^) 6.
ในปัจจุบันอาชีพนักเขียน จัดเป็นอีกหนึ่งอาชีพอิสระที่กำลังได้รับความนิยม พอ ๆ กับช่างภาพ และนักออกแบบกราฟิก ซึ่งการเป็นนักเขียน ก็จะมีงานเขียนหลากหลายปรถเภท และเขียนแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนนิยาย บทความ เรื่องสั้น ฯลฯ บางคนอาจจะคิดว่าการเป็นนักเขียนเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่การจะเริ่มต้นก้าวแรกให้ดีนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ในบทความที่แล้ว เราพูดถึงความยากของนักเขียน กว่าจะมีหนังสือเป็นของตัวเองได้ 1 เล่ม มีขั้นตอนอะไรบ้าง ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาไปดูกันว่าถ้า อยากเป็นนักเขียน ต้องเริ่มอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ! แนวทางสำหรับคนที่ อยากเป็นนักเขียน 1. เขียนให้เป็น การเริ่มต้นเป็นนักเขียน อย่างแรกคือคุณต้องการเขียนเป็น ไม่ใช่แค่เขียนได้ ซึ่งการเขียนให้เป็นจะต้องรู้จักการวางโครงเรื่อง รู้จักจับประเด็นเรื่องที่จะเขียน รู้จักการเล่าเรื่อง ดังนั้นจึงต้องฝึกการเล่าเรื่องให้รู้เรื่อง เพื่อให้ผู้อ่าน สามารถอ่านงานของเขียนของเราได้อย่างไหลลื่น และเข้าใจได้ในเรื่องที่เราต้องการจะสื่อ 2. ทำงานเขียน ขั้นต่อมาเมื่อเรารู้จักการเล่าเรื่องแล้ว เราก็ต้องเริ่มเขียน อาจจะเขียนในหัวข้อที่สนใจ หรือหัวข้อที่ชอบ เมื่องานเขียนของคุณเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ลองหาพื้นที่ที่เปิดให้เราได้แสดงผลงาน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บบล็อกของตัวเองที่ทุกวันนี้ทำได้ง่าย และฟรี หรือเขียนบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เปิดพื้นที่เว็บให้ทุกคนสามารถเข้ามาเขียนได้ 3.
วิธีการลงทุนและหารายได้เสริมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถทำได้จริง! อยากเป็นอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นบล็อกเกอร์ (Blogger) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นยูทูบเบอร์ (YouTuber) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นนักแคสท์เกม (Game Caster) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นนักเขียนนิยาย (Novelist) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากเป็นนักวาดการ์ตูน (Cartoonist) เริ่มต้นอย่างไรดี? อยากขายภาพออนไลน์ (Stock Photo) เริ่มต้นอย่างไรดี? ติดตามบทความการเงิน การลงทุน และบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่
:D 1. มีความตั้งใจและเป้าหมายที่ชัดเจน ทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า "ความตั้งใจและการมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนจะทำให้ทุกอย่างที่ทำออกมาดี" และนั่นก็เป็นความจริงค่ะ เพราะไม่ว่าเราจะเริ่มทำสิ่งใดก็ตามหากเรามีความตั้งใจ ก็จะส่งผลให้งานออกมาดี ใส่ใจกับการเขียนในทุกๆขั้นตอน ใคว่คว้าหาข้อมูลเพื่อให้บทความมีเนื้อหาสาระที่ดีและน่าสนใจอยู่เสมอ และก็ยังช่วยทำให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ 2. ศึกษาด้าน SEO และ Inbound Marketing เบื้องต้น อย่างที่บอกไปในข้อแรกแล้วว่า เมื่อมีความตั้งใจ อะไรๆก็จะออกมาดี ในส่วนนี้เมื่อเราตั้งใจแล้ว เราควรให้เวลากับการศึกษาแก่นแท้ของการเขียนบทความเพิ่มด้วย เพราะจะช่วยทำให้เรามองเห็นภาพรวมออกว่า จุดประสงค์ในการเขียนบทความนั้นคืออะไร ภาษาที่ใช้ควรเป็นอย่างไร และเขียนมาเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มไหนอ่าน ในจุดนี้ถือว่าเราจะได้เปรียบนักเขียนมือใหม่ด้วยกันเยอะเลยนะคะ เพราะตอนที่เราเริ่มต้นเขียนบทความ เราไม่รู้ว่า จุดประสงค์ในการเขียนนั้น เขียนไปเพื่ออะไร มันทำให้ภาพไม่ชัดเจน แต่พอเราได้มาศีกษาด้าน Inbound Marketing มันทำให้เราร้อง อ๋อ! เลยค่ะ อารมณ์ประมานว่า ก็งมอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นมีใครบอกเลย ฮ่าๆๆ หลังจากนั้นเขียนงานได้เร็วขึ้นและตรงจุดมากขึ้น แถมยังทำให้การเขียนบทความมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วยนะคะ 3.