รีไฟแนนซ์ต้องรอครบ 3 ปีก่อนไหมถึงสามารถรีไฟแนนซ์ได้ เรื่องขอระยะเวลาว่าสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อไรนั้นเราจำเป็นต้องกลับไปดูสัญญาก่อนครับว่าเราทำสัญญาไว้กับที่เดิมกี่ปี บางธนาคารทำไว้ 3 ปี บางธนาคารทำไว้ 5 ปี 2. ผ่อนบ้าน 2 ปี รีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม หรือต้องรอให้ครบสัญญา คำตอบคือ แม้ว่าเราจะผ่อนบ้านมา 2 ปี ยังไม่ครบสัญญาที่ทำไว้กับธนาคาร 3 - 5 ปี เราก็สามารถที่จะรีไฟแนนซ์บ้านได้ครับ แต่เนื่องจากเราผิดสัญญาทางธนาคารก็จะมีค่าปรับโดยทั่วไปที่เคยเจอจะอยู่ที่ประมาณ 3% ของยอดหนี้คงเหลือครับ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ สมมุติผมกู้ซื้อบ้านมา 3 ล้านบาท ผ่อนมาแล้ว 2 ปี ยอดหนี้คงเหลือ 2. 8 ล้านบาท และต้องการรีไฟแนนซ์เพื่อไปรับดอกเบี้ยที่ถูกลงจากธนาคารใหม่ แต่สัญญาที่ทำไว้กับธนาคารเดิม คือ 3 ปี ธนาคารจะปรับเงินผม 3% ของยอดหนี้คงเหลือ นั้นก็คือ 3% ของ 2. 8 ล้านบาท ก็จะประมาณ 84, 000 บาทครับ ที่นี้เราก็ต้องนำมาคำนวนอีกทีละครับว่ายอดที่โดนปรับ ร่วมกับค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ เมื่อเทียบกับยอดที่ประหยัดได้ในกรณีที่เราย้ายไปธนาคารใหม่อันไหนจะคุ้มค่ากว่ากันครับ ส่วนตัวมองว่าถ้าดอกเบี้ยที่เดิมกับที่ใหม่ต่างกันไม่เยอะมาก เช่น ที่ใหม่ให้ 2.
8% ส่วนที่เดิมดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 3. 5% และอีก 1 ปีเราก็จะครบสัญญาแล้ว ผมว่าถ้าโดนค่าปรับไป 3% ก็อาจจะไม่คุ้มครับ แนะนำว่ารอไปอีกสักปี แต่บางท่านเช่นผมเองเนี่ยแหละครับ ตอนซื้อบ้านครั้งแรกไม่มีความรู้ทางการเงินเท่าตอนนี้ โดนดอกเบี้ยไป ประมาณ 6. 25% ต่อปี ซึ่งถ้ารีไฟแนนซืไป ดอกเบี้ยจะอยู่ประมาณ 2. 7% ผมผ่อนมาได้ 1 ปีคำนวนแล้วถึงจะโดนค่าปรับก็ยังประหยัดกว่า ผมก็ตัดสินใจที่จะยอมเสียค่าปรับและทำการรีไฟแนนซ์เลยครับ 3. ในปีที่ 3 จ่ายค่าผอนบ้านเยอะขึ้นจากเดิม 13, 000 บาท เป็น 18, 000 บาท จะโดนตัดเงินต้นเท่าเดิมหรือเปล่า ในส่วนนี้ก็ไม่มีคำตอบที่ตายตัวครับที่ตอบแบบนี้เพราะว่าเราไม่รู้ว่าดอกเบี้ยบ้านที่ปรับขึ้นมาของแต่ละท่านนั้นเป็นเท่าไรครับ แต่ผมแนะนำวิธีคำนวนดอกเบี้ยบ้านให้ครับ โดยดอกเบี้ยบ้านนั้นจะเป็นลักษณะของลดต้นลดดอก ก็คือคำนวณจากเงินต้นคงเหลือของเรา ยิ่งยอดเงินต้นเราเหลือน้อยเราก็จะเสียดอกเบี้ยถูกลงนั้นเอง โดยมีวิธีการคำนวณคือ ดอกเบี้ย = (เงินต้นคงเหลือ x ดอกเบี้ย x จำนวนวัน) ÷ 365 สมมุติว่ายอดหนี้บ้านของผมคงเหลือ 3 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2. 5% ผ่านไป 30 วัน ดอกเบี้ยที่ผมต้องเสียคือ = (3, 000, 000 x 2.
8% ถ้าเลือกแบบคงที่ก็จะอยู่ที่ 3. 1% อันนี้เราก็ต้องไปเลือกกันอีกทีครับว่าชอบแบบไหน แต่จุดสำคัญกว่านั้นคือ คนส่วนใหญ่มักโดนหลอกด้วยคำการตลาด ดอกเบี้ย 0% 6 เดือน ดอกเบี้ย 0. 99%* ดอกเบี้ยเฉลี่ยน 1. 5% ปีแรก และก็อีกมากมายครับ พอเราเห็นดอกเบี้ยอีกที่หนึ่ง แล้วมาเห็นที่นี้ 1. 5% ก็กลายเป็นว่าเขาใจว่าถูกกว่าจนลืมดูไปว่านี้เป็นเฉพาะของปีแรกเท่านั้น ดังนั้นเราจำเป็นต้องดูดอกเบี้ย แต่ละปี ตลอดสัญญครับว่าเท่าไร แล้วเฉลี่ยแล้วเท่าไร ยกตัวอย่าง ธนาคาร A ใช้ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี เฉลี่ย 3 ปี 3% (ปีที่ 1 = 3%, ปีที่ 2 = 3%, ปีที่ 3 = 3%) ธนาคาร B ให้ดอกเบี้ยลอยตัว 3 ปี เฉลี่ย 2. 35% (ปีที่ 1 MRR- 6. 2% = 1. 15%, ปีที่ 2 MRR- 4. 9% = 2. 45%, ปีที่ 3 MRR- 3. 39% = 3. 96%) จะเห็นได้ว่า แต่ละปีของ 2 ธนาคารไม่เหมือนกัน ถ้าสมมุติเราเป็นคนชอบโปะบ้าน ธนาคาร B ที่ช่วงปีแรก ๆ ดอกเบี้ยถูกมา เราเลือกมาโปะบ้านเยอะ ๆ ในช่วงนี้เราก็จะลดเงินต้นได้มากกว่าธนาคาร A ครับ ดั้งนั้นการจะรีไฟแนนซ์เราก็ต้องละเอียดนิดหนึ่งครับ เพราะยอดหนี้ค่อนข้างเยอะถ้าเลือกผิดเราอาจจะพลาดแทนที่จะประหยัดหลายแสน เป็นประหยัดแค่ไม่กี่หมื่นบ้านครับ 5.
พอดีเป็นบ้านหลังแรกครับยังไม่มีประสบการณ์เลย วันก่อนโทรไปเช็คยอดกับธนาคารที่กู้มาครับ ผ่อนมาประมาณ 2 ปี 4 เดือน ไม่ได้โปะเลยสักบาทครับยอดเงินต้นเหลือ 6. 5 ล้านจากยอดกู 7. 1 ล้านครับ (คิดคร่าวๆ ก็เป็นดอกเบี้ยซะ 6 แสน เงินต้นอีก 6 แสนครับ โหดจริงๆ) ก็เลยเริ่มคิดว่าเราต้องเริ่มดูเรื่องรีไฟแนนซ์หรือยัง หรือถ้าไม่รีไฟแนนซ์ จะเจรจากับธนาคารเดิมขอลดดอกเบี้ยเค้าจะให้มั้ยครับ (ตอนนี้กู้กับกรุงไทยครับ) แล้วขั้นตอนพวกนี้เราสามารถทำได้เลย หรือว่ายังติดต่อตอนนี้ไม่ได้ต้องรอให้ผ่อนไปจนครบ 3 ปีก่อนครับ กรณีรีไฟแนนซ์เราสามารถเดินเข้าไปติดต่อธนาคารใหม่ได้เลย หรือจะต้องไปติดต่อตามงานพวก money expo หรือะไรแบบนี้ครับ และถ้าเรามีเงินกู้ 2 สัญญา เราจะต้องปิดให้เหลือเฉพาะสัญญาที่เป็นตัวบ้านมั้ยครับ (ตอนนี้มีอีกสัญญายอดเหลือ 2. 5 แสนน่าจะปิดภายในสิ้นปีนี้ครับ) จริงๆ แล้วเวลาก็เหลืออีกประมาณ 8 เดือนกว่าจะครบ 3 ปี แต่เนื่องจากผมไม่อยว่างก็เลยอยากจะเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นครับ แสดงความคิดเห็น